เป็นเวลาเกือบ 70 ปีแล้วที่ ฮานส์ วิลสดอร์ฟ (Hans Wilsdorf) เจ้าของแบรนด์ Rolex ได้เริ่มเปิดสายแบรนด์ลูกอย่าง Tudor ขึ้นมา (นับตั้งแต่ 1946) เพื่อเปิดทางเลือกให้กับลูกค้าและตลาดใหม่ที่งานระดับคุณภาพอย่าง Rolex ไม่สามารถแข่งขันได้ แน่นอนว่าราคาและคุณภาพของ Tudor จะต้องมีการปรับเปลี่ยนเพื่อให้เข้าถึงผู้บริโภคอีกกลุ่มตลาด

นาฬิกาที่โด่งดังที่สุดของ Tudor ยังคงเป็นนาฬิกาดำน้ำอย่างตระกูล Black Bay ซึ่งชนะเลิศการประกวด Grand Prix d’Horlogerie de Genève (GPHG) ในปี 2012 และปี 2015 นี้เป็นครั้งแรกที่ทาง Tudor นาฬิกาตรากุหลาบได้เข้าร่วมกับทางการประมูล Only Watch เพื่อนำรายได้สมทบทุนให้วิจัยต่อสู้กับโรคกล้ามเนื้อลีบดูเชน (Duchenne muscular dystrophy) ซึ่งกัดกินชีวิตผู้คนไปทีละเล็กละน้อยตามวัยของผู้ป่วยที่เพิ่มมากขึ้น
Tudor Heritage Black Bay One ได้ถูกทำขึ้นตาม Tudor Ref. 7923 โดยพยายามรักษา hallmark ที่สำคัญ ๆ ไว้อย่าง คำอธิบาย 2 บรรทัดที่ตำแหน่ง 6 นาฬิกา เข็มโทนสีทอง และหน้าปัดสีดำตามที่ผลิตในยุค 50-60s
กระจกโดม sapphire บ่งบอกถึงความเป็น Heritage ตามชื่อรุ่น ขอบใช้เป็นขอบฟิลม์สีดำซึ่งแม้จะไม่ได้ทนต่อการขูดขีดหรืออยู่ยงเท่าเซรามิกแต่ก็ตอบปัญหาด้านความ Vintage ได้อย่างหมดจด ตัวเรือน 41 มม. ทำจาก stainless steel ขัดแบบซาติน เม็ดมะยมที่ตีตรากุหลาบ Tudor ใช้เป็นแบบขันเกลียวตามแบบ Rolex Oyster สายที่แถมให้มีทั้งสายโลหะ, สายหนังที่ผ่านการ aging และสายผ้าที่นับว่าเป็นทีเด็ดของรุ่นนี้เพราะทอด้วยเครื่องทอผ้าของ (Jacquard’s loom) ในฝรั่งเศสตามวิถีดั้งเดิมซึ่งใช้คำสั่งจากบัตรเจาะรูควบคุมการทอผ้าจนได้รับการยอมรับว่าเป็นคอมพิวเตอร์ยุคแรก ๆ ของโลก
นอกจากข้อดีและ spec คร่าว ๆ ไปแล้วก็ต้องหันมาพูดถึงจังหวะหัวใจของ Heritage Black Bay One กันบ้าง นาฬิกาเรือนนี้เต้นด้วยพลังจากเครื่องออโตเมติก (Self-winding) Tudor calibre 2824 หรือก็คือเครื่อง ETA 2824-2 รุ่นสูงสุด (เครื่องรุ่นนี้สามารถแบ่งได้หลายเกรดโดยในเรือนนี้จะคลาดเคลื่อนเฉลี่ย +/-4 วินาที/วัน) ที่ผ่านการขัดแต่งตามสเปคมาตรฐานของ Rolex และเก็บพลังงานสำรองได้น้อยกว่าเดิมเหลือเพียงประมาณ 38 ชม. (จากของเดิมประมาณ 40 ชม.) แตกต่างจากรุ่นตำนาน 7923 ที่เป็นเครื่องไขลาน ดังนั้นอาจกล่าวได้ว่านี่อาจไม่ใช่นาฬิกาที่คุ้มกับราคาที่ต้องจ่ายไปซักเท่าไรหากดูตาม spec แต่มันจะเป็นสมบัติบนข้อมือชั้นเลิศหากคิดได้ว่าเม็ดเงินที่ได้เสียไปกับนาฬิกาเรือนเดียวในโลกนี้นั้นถูกบริจาคและสร้างความหวังให้กับผู้ป่วยอีกหลายพันหลายหมื่นคนทั่วโลกที่รอการรักษาอยู่
ข้อมูลและรูปภาพจาก – TUDOR