เมื่อวันที่ 16 พฤษจิกายน 2561 ผมได้รับเชิญจาก Chopard และ S. T. Diamond เพื่อไปร่วมรับประทานอาหารกลางวันที่ Spirit Jim Thomson กับทางแบรนด์ โดย Mr. Karl-Friedrich Scheufele ผู้บริหารของ Chopard และภรรยา ได้มาต้อนรับแขกด้วยตนเองในงานครั้งนี้ นับเป็นเกียร์ติของ LWQP อย่างยิ่ง

ในระหว่างการรับประทานอาหารกลางวัน ทางแบรนด์ได้นำเสนอข้อมูลต่าง ๆ ของแบรนด์ และทิศทางของการทำการตลาดในเมืองไทย โดยมีการประกาศการเปิดบูติกอย่างเป็นทางการที่สยาม พารากอน ซึ่งจะบริหารและจัดการโดยทีมงานของ S. T. Diamond ซึ่งนอกจากจะเป็นการที่ให้ลูกค้าของ Chopard เข้าถึงข้อมูลและสินค้าของแบรนด์ได้ง่ายขึ้น แต่ยังคงเป็นก้าวสำคัญที่ทำให้ Chopard เป็นที่จดจำได้มากยิ่งขึ้น


สำหรับเนื้อหาส่วนที่สองของงานในครั้งนี้ คือการตอกย้ำจุดยืนของ Chopard ที่ไม่ได้มองธุรกิจสินค้าหรูเป็นเพียงเครื่องมือทำกำไร แต่ยังคงเป็นบริษัทที่ทำงานอย่างหนัก เพื่อให้ห่วงโซ่อุปทานของการผลิตเป็นไปโดยยุติธรรม ซึ่งทาง Chopard ได้เริ่มต้นโปรเจค “The Journey” ในปี 2013 โดย Chopard ทุ่มงบประมาณไปกับการใช้ทอง Fairmined™ กับสินค้าของ Chopard ซึ่งเป็นทองคำที่ได้รับการรับรองจากองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร Alliance for Responsible Mining (ARM) ในอเมริกาใต้ ว่าเป็นทองที่ได้รับมาจากการผ่านกระบวนการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม คุณภาพชีวิตลูกจ้างและร่วมพัฒนาชุมชนคนเหมือง
ถึงแม้ปริมาณทอง Fairmined™ จะไม่สามารถครอบคลุมการผลิตทั้งหมดของ Chopard ได้ แต่ถือว่าเป็นจุดยืนที่แข็ง และเป็นเหมือนการเคารพต่อ Karl Scheufele III ชาวเยอรมันที่เป็นทั้งช่างทองและช่างนาฬิกาที่มาซื้อกิจการของ Chopard ไปในปี 1963



ภายในงานจะมีการจัดแสดงเครื่องประดับและนาฬิกาของ Chopard ให้ผู้สื่อข่าวและผู้ร่วมงานได้ทดลองใส่และจับต้องชิ้นงานจริง


ในงานครั้งนี้ ผมในฐานะตัวแทนของ LWQP อยากจะขอขอบคุณทาง Chopard และ S. T. Diamond ที่เชิญผมเข้าร่วมงานในครั้งนี้ นอกจากจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับแบรนด์มากขึ้นแล้ว ยังเข้าใจถึงวิสัยทัศน์ของผู้บริหารและจุดยืนของแบรนด์อย่างแท้จริง และถ้ามีโอกาสเราจะได้เข้าไปเยี่ยมบูติกใหม่ที่สยาม พารากอน ในอนาคตอันใกล้ อย่างแน่นอนครับ
